Mr.Jacob Vadakkanchary (จาคอบ วาทักกันเชรี) ผู้ศึกษาปรัชญาแนวคิดของคานธีที่ สมบูรณกานติ เทสาย โยคะ จาคอบ บอกว่าธรรมชาติบำบัด คือ การดูแลรักษา กาย ใจ
ดังนั้น การดูแลสุขภาพของคนเราจะเน้นเรื่องอาหาร การรับประทานอาหารที่ดีก็จะทำให้มีสุขภาพดี สุขภาพของคนขึ้นอยู่กับ พฤติกรรมของการรับประทานอาหาร แบคทีเรียไม่มีผลทำให้เกิดโรคต่อร่างกาย การเจ็บป่วยของคนล้วนเกิดจากอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อน ที่คนเรารับประทานเข้าไป เรื่อง ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้องเรียนรู้
กระบวนการขับสารพิษออกจากร่างกาย มี 4 ทาง คือ ทางจมูก ทางเหงื่อ ทางปัสสาวะ และ ทางอุจจาระ คนเราควรหมั่นหายใจลึก ๆ จะได้อากาศบริสุทธิ์เข้าไปในปอด เพื่อนำออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย และควรตากแสงแดดอ่อน ๆ ทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น เพื่อดูดสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีดูแลรักษาสุขภาพอย่างง่าย ๆ ที่คนทั่วไปสามารถปฏิบัติได้ ในเวลาที่คนมีอาการเจ็บป่วยร่างกายจะเสียสมดุล ถ้าจะแก้ไขให้สมดุลก็ต้องปรับสภาพทั้งร่างกายและจิตใจ
ร่างกายมีกลไกกำจัดสารพิษอยู่ในตัวเอง เช่น เวลาไอ จาม หรือ มีผื่น วิชาธรรมชาติบำบัด อธิบายว่า ไม่ใช่อาการป่วยเป็นโรค แต่ร่างกายกำลังทำความสะอาดตัวเองตามธรรมชาติ เวลามีสารพิษเข้าไป ร่างกายก็จะจาม การจามแรง ๆ เป็นการขับพิษออกจากร่างกาย ซึ่งธรรมชาติก็ช่วยขับพิษอยู่แล้ว การรับประทานยาแก้ไอ จะทำให้ร่างกายไม่สามารถขับสารพิษออกมาได้ การที่เราเป็นไข้ ก็เป็นกระบวนการทำลายเชื้อโรค เมื่อมีอาการเจ็บคอ อาการไอ ก็ให้ใช้วิธีธรรมชาติบำบัด เวลามีอาการท้องเสีย วิชาธรรมชาติบำบัดอธิบายว่า เป็นการทำความสะอาดของร่างกายครั้งใหญ่ การถ่ายให้หมดจะช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย แต่คนเราไม่เข้าใจธรรมชาติ นึกว่าท้องเสียเป็นอาการของโรค ก็เลยไปซื้อยามารับประทานให้หยุดถ่าย อาการท้องเสียหยุดทันที ทำให้อาหารปนเปื้อนสารพิษที่รับประทานเข้าไป ซึ่งร่างกายต้องการขับออก แต่เราไปรับประทานยาให้หยุดถ่าย ทำให้ร่างกายกักสารพิษเอาไว้ ซึ่งไม่ถูกต้อง
วิธีที่ถูกต้องคืออย่าไปรับประทานยาให้หยุดถ่าย ถ้าเรารับประทานยาให้หยุดถ่าย พิษต่าง ๆ ก็จะซึมเข้าสู่ร่างกาย หากซึมผ่านเส้นเลือดไปที่ผิวหนังก็จะเป็นผื่น ซึมไปที่ไตก็จะเป็นโรคไต ซึมไปที่ระบบหายใจ ก็จะเป็นหืดหอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ต้องใช้ธรรมชาติบำบัดให้ขับพิษออกให้หมด แนะนำให้รับประทานอาหารมังสวิรัติ ไม่แนะนำให้อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ เช่น หมู ปลา ท่านบรรยายว่า ถ้านำเนื้อสัตว์ไปทิ้งไว้ในตู้หลาย ๆ วันก็จะมีกลิ่นเหม็นเน่ามีสารพิษ เหมือนกับคนที่รับประทานเนื้อสัตว์ไปหมักหมมอยู่ในลำไส้ ร่างกายก็จะได้รับสารพิษนั้นด้วย... นั้น คือตัวอย่างหนึ่งของคนที่สนใจ และสามารถนำมาถ่ายทอดในรูปแบบงานวิชาการได้ และยังมีอีกหนึ่งตัวอย่างที่สามารถสัมผัสกับคำว่า "ธรรมชาติบำบัด" ได้มากขึ้น โดยผ่านการบรรยายประชุมวิชาการ เรื่อง "การรักษาภูมิแพ้ด้วยธรรมชาติบำบัด" ของ นพ.ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล
การรักษาด้วยธรรมชาติบำบัด
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ เช่น ขนสุนัข, ควันบุหรี่, เกสรดอกไม้, ฝุ่นในบ้าน, นมวัวและผลิตภัณฑ์จากวัว
- ปรับอาหาร โดยการกินอาหารที่ต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี คนเราสร้างวิตามินซี ไม่ได้ ไม่เหมือนสุนัข, แมว ซึ่งสร้างวิตามินซีได้ วิตามินซีจะอยู่ในอาหารประเภทเปรี้ยว, ฝาด คือ ผักผลไม้ที่สดๆ อนุมูลอิสระอีกกลุ่มหนึ่ง คือ วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน ซึ่งอยู่ในผักผลไม้ที่มีสีเขียวจัด, สีเหลือง, สีแดง, สีม่วง, แครอทมีเบต้าแคโรทีน แต่มีไม่มาก แครอท 100 g. มีวิตามินเออยู่ 1,144 อินเตอร์เนชั่นแนลยูนิต แต่ที่มีเบต้าแคโรทีนมาก คือ ผักเหลียง, ผักปัง, ผักขี้เหล็ก 100 g. มีวิตามิน 43,333 อินเตอร์เนชั่นแนลยูนิต มากกว่าแครอท 40 เท่า วิตามินอีกตัวที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ คือวิตามินอี ซึ่งมีอยู่ในเมล็ดธัญพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน, เมล็ดฟักทอง, จมูกข้าว ฉะนั้นควรกินข้าวกล้องจะมีจมูกข้าวมาก คนที่เป็นภูมิแพ้ถ้าอยากหายควรกินข้าวกล้อง น้ำผลไม้สดวันละ 2 แก้ว
- การออกกำลังกาย ต้องสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ ½ ชั่วโมง ทำให้ภูมิแพ้ดีขึ้น
- เพิ่มภูมิต้านทาน เช่น อบสมุนไพร, ซาวน่า อาบแสงตะวัน เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายจะมีไข้ ไข้ไม่ใช่สิ่งที่เชื้อโรคสร้างขึ้นมา แต่เป็นสัญญาณเพื่อกระตุ้นให้ภูมิต้านทานออกมาทำงานให้สมดุลขึ้น แต่ถ้าเราปกติ สามารถกระตุ้นให้ภูมิต้านทานทำงาน โดยการทำให้มิไข้ โดยไปอบซาวน่า หรืออาบแสงตะวัน ร่างกายจะเหมือนมีไข้ ภูมิต้านทานจะออกมาทำงาน แสงแดดควรเป็นช่วงบ่าย หันหน้า-หลัง ข้างละ 10 นาที หรืออาบน้ำอุ่นสลับน้ำเย็นอย่างละ 1 นาที สัก 2-3 รอบ
แม้ทุกวันนี้ "ธรรมชาติบำบัด" จะสวนทางกับโลกที่มียาเป็นเศรษฐกิจ และเป็นเรื่องยากที่คนส่วนใหญ่จะหันกลับมารักษาด้วยวิธีนี้ เพราะวิถีชีวิตของมนุษย์ได้เปลี่ยนไปแล้ว เพียงแต่ต้องไม่ลืมว่า "ธรรมชาติ" กับ "มนุษย์" นั้นแยกกันไม่ออกนะคะ หากแต่ทางเลือกนี้ก็ควรอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง และความจริงด้วยเช่นกัน