งูสวัด
งูสวัด

จริงหรือไม่ “งูสวัด” เป็นแล้วต้องรีบรักษาก่อนขึ้นรอบตัว


“งูสวัด” โรคผิวหนังที่คนโบราณเชื่อว่าเป็นแล้วต้องรีบรักษา หากปล่อยให้รุกลามขึ้นรอบตัวจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต ในอดีตงูสวัดจึงเป็นโรคที่สร้างความทุกข์และความวิตกกังวลให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก สำหรับการรักษาแพทย์แผนไทยจะใช้สมุนไพรที่มีรสเย็นในการรักษา ปัจจุบันการรักษาด้วยสมุนไพรก็ยังได้รับความนิยม โดยได้พัฒนานำสมุนไพรหลากหลายชนิดมาเข้าตำรับยา เพื่อรักษาโรคให้ได้ผลดียิ่งขึ้น


งูสวัด ความเชื่อ และสาเหตุของโรค


• ความเชื่อเกี่ยวกับ โรคงูสวัด

คนโบราณ มีความเชื่อเกี่ยวกับโรคงูสวัด หรือ งูตวัด ว่าเป็น “ไข้สังวาลย์พระอินทร์” ลักษณะอาการจะเป็นเม็ดทรายผุดขึ้นมาเป็นแถวคล้ายงู เม็ดแดง ๆ เป็นหนองก็มี หากผู้หญิงเป็นจะขึ้นด้านซ้าย ส่วนผู้ชายจะขึ้นด้านขวา อาการหากเป็นข้ามสันหลังไปจะรักษาไม่หายและเสียชีวิต ซึ่งความเชื่อเหล่านี้เป็นเพียงคำบอกเล่าที่บอกต่อ ๆ กันมาเท่านั้น


• สาเหตุ ของโรคงูสวัด

งูสวัด คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับไวรัสที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคอีสุกอีใส และโรคงูสวัด จะเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อนเท่านั้น ลักษณะอาการที่เด่นชัด จะเกิดรอยผื่นแดงและตุ่มน้ำ ร่วมกับอาการปวดแสบปวดร้อน โรคนี้สามารถติดต่อกันได้ง่ายด้วยการสัมผัส ส่วนในรายที่ยังไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน หากไปสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นโรคงูสวัด บุคคลนั้นก็จะเป็นโรคอีสุกอีใสก่อน ความรุนแรง และภาวะแทรกซ้อนของ โรคงูสวัด


• ความรุนแรงของ โรคงูสวัด

โดยทั่วไป งูสวัด ถือเป็นโรคที่ไม่รุนแรงและไม่ได้ทำให้ถึงตาย หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง งูสวัดเกิดขึ้นได้กับทุกคน สามารถพบได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยผู้สูงอายุ และพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ความรุนแรงของโรครวมทั้งระยะเวลาที่เป็นจะยาวนานหรือรุนแรงมากน้อยขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วย ซึ่งพบมากในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มักรักษาให้หายได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยลำดับอาการจะมี ดังนี้

  • อาการระยะที่ 1 เป็นช่วงก่อนเกิดผื่น ผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกปวด แสบ และชาบริเวณผิวหนังตามแนวเส้นประสาท รวมทั้งอาจมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดศีรษะ มีไข้ หนาวสั่น และรู้สึกไม่สบายตัวร่วมด้วย
  • อาการระยะที่ 2 ช่วงมีผื่นแดงขึ้นตามตัวบริเวณที่ปวด ลักษณะผื่นอาจเริ่มจากจุดเล็ก ๆ หรืออาจขึ้นเป็นแถบผื่นกว้าง แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใส มีหนองอยู่ข้างใน
  • อาการระยะที่ 3 ตุ่มหนอง พุพอง ระยะนี้ตุ่มน้ำใส มีหนองอยู่ข้างใน จะเริ่มพุพองและแตกออกเป็นแผลต่อมาจะตกสะเก็ด ระยะนี้แผลพุพองจะหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์ และเมื่อแผลหายแล้วอาจยังมีอาการปวดตามแนวเส้นประสาทได้

• ภาวะแทรกซ้อนของ โรคงูสวัด

จากความเชื่อของคนโบราณ ที่เข้าใจว่า งูสวัดขึ้นรอบตัวหรือพันรอบเอวแล้วจะเสียชีวิตนั้น ในความ เป็นจริงอาจเกิดจากภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรของผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ หรือมีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว หรือเกิดการติดเชื้อรุนแรงจากแนวทางการรักษาที่ใช้วิธีเป่าด้วยสมุนไพรจนทำให้เสียชีวิต แต่ปัจจุบันพบได้น้อยมาก และภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ในผู้ป่วยงูสวัด ได้แก่

  •  1. การติดเชื้อที่ผิวหนังและอวัยวะภายใน เนื่องจากตุ่มน้ำบนผิวหนังแตกและไม่ได้รับการรักษาอย่าง ถูกวิธี โดยภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย ได้แก่ อาการปอดอักเสบ ตับอักเสบ ไข้สมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ รวมถึงเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งเกิดได้น้อยมาก
  •  2. เกิดโรคแทรกซ้อนทางตา จากการติดเชื้อที่เส้นประสาทตา ตาอักเสบ ผู้ป่วยบางรายอาจมีปัญหาต้อ หิน ซึ่งอาจส่งผลต่อการมองเห็นได้
  •  3. อาการปวดปลายประสาท มักเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดกับผู้ป่วยที่มีอายุ 50 ขึ้นไป โดยจะรู้สึกปวดแสบเหมือนโดนเข็มตำบริเวณที่เคยเป็นงูสวัด และเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงอาการอาจกำเริบ ทำให้รู้สึกเจ็บหรือปวดได้ง่ายเนื่องจากผิวหนังไวต่อการสัมผัส

แนวทางการรักษาด้วย แพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือก


โดยทั่วไปอาการของผู้ป่วยงูสวัด สามารถหายได้เองจนผิวหนังกลับมาเป็นปกติในระยะเวลา 2–6 สัปดาห์ บางกรณีอาจไม่ต้องรักษาหากอาการไม่รุนแรงและความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนมีน้อย ส่วนแนวทางการรักษา มีดังนี้


• การรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน

อาการของโรคงูสวัด ผู้ป่วยมักทุกข์ทรมานจากอาการแสบร้อน หากเกิดอาการแสนร้อนและปวดอย่าง รุนแรง แพทย์จะให้ยาแก้ปวดและรักษาตามอาการเพื่อเร่งกระบวนการการหายของโรค รวมทั้งป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ผู้ที่มีปัญหาด้านภูมิคุ้มกันต่ำแพทย์อาจรักษาด้วยการฉีดยาต้านไวรัสและให้ผู้ป่วยนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล


• การรักษาด้วยแพทย์ทางเลือก

ในอดีต มีความเชื่อว่าการรักษาโรคงูสวัด จะใช้วิธีเป่าด้วยคาถาและสมุนไพรที่สืบทอดกันมา เชื่อว่าช่วยปัดเป่าโรคภัย รวมทั้งอาการเจ็บปวดให้หายไปได้ ปัจจุบันมีข้อมูลจากกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก ระบุว่าผู้ป่วยงูสวัดสามารถรักษาหายได้ด้วยสมุนไพร เนื่องจากมีสมุนไพรพื้นบ้านหลากหลายชนิดที่มีสรรพคุณในการใช้รักษาโรคทางผิวหนัง และยังมีฤทธิ์ลดการอักเสบได้ดี


สุรพรรณคลินิก การแพทย์แผนไทย ทางเลือกของการ รักษาโรคงูสวัด


การรักษาโรคงูสวัดด้วยสมุนไพร เป็นภูมิปัญญาที่ใช้รักษาสืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สุรพรรณ คลินิก การแพทย์แผนไทย ทางเลือกของผู้ป่วยเรื้อรังรวมทั้งโรคงูสวัด รักษาโรคด้วยตำรับยา โดยคุณอาจารย์หมอสุรพรรณ ศิริธรรมวานิช เจ้าตำรับแพทย์แผนไทยต้นแบบ ได้ตั้งตำรับยาเพื่อรักษางูสวัดได้อย่างชะงัด และฟื้นฟูให้ร่างกายแข็งแรงไปพร้อมกันแบบองค์รวม โดยผสมผสานทั้งแพทย์แผนจีน แพทย์แผนไทย และ นำหลักการด้านเภสัชกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ ในการเตรียมตำรัยยาสมุนไพร ให้มีรูปแบบที่รับประทานง่าย ยามีคุณภาพดี ส่งผลดีต่อการรักษาโรคงูสวัดและโรคเรื้อรังต่าง ๆ



งูสวัด โรคไม่ร้ายแรงเนื่องจากเป็นแล้วสามารถหายเองได้ หากผู้ป่วยมีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย แต่อาการของโรคอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกทุกข์ทรมาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ป่วยโรคเรื้อรัง เบาหวาน และผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องคอยระวัง สำหรับผู้ที่สนใจและศรัทธาในการรักษาแบบแผนไทยด้วยยาสมุนไพร สุรพรรณคลินิกการแพทย์แผนไทย เป็นสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้ ตำรับยามีงานวิจัยรองรับ หากท่านเป็นผู้ป่วยโรคงูสวัดที่สนใจการรักษาด้วยสมุนไพร โทรสอบถามเพื่อขอความรู้เพิ่มเติมก่อนตัดสินใจใช้บริการได้

ติดต่อสอบถามข้อมูล และ นัดเวลาพบแพทย์
สุรพรรณคลินิกการแพทย์แผนไทย (กรุงเทพ)
8/3 ม.ชวนชื่นโมดัสวิภาวดี แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพ 10210
คุณหมอออกตรวจ วันศุกร์-เสาร์ เวลา 11.00-15.00 น.
02 197-2699 / 097-459-6565
Map
คลินิกบ้านหมอแผนไทย (ราชบุรี)
10/31 ถนนสมบูรณ์กุล ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี 70000
คุณหมอออกตรวจ วันอาทิตย์ เวลา 10.00-16.00 น.
032-338-275
Map
สุรพรรณคลินิกการแพทย์แผนไทย (เชียงใหม่)
371/22 หมู่ 1 ตึกแถวกาญกนก ตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50000
คุณหมอออกตรวจ วันพฤหัสบดี (อาทิตย์เว้นอาทิตย์) เวลา 13.00 - 18.00 น.
053-117-470 / 080-445-5624
Map
รักษาโรคเรื้อรังทุกระดับด้วยสมุนไพร
ปลอดภัย ไม่ต้องกินยาตลอดชีวิต